nero โปรแกรมไรท์เพลง และตัดต่อเพลงที่นิยมในอดีต

 

 

nero Wright music programpicc

ยุคสมัยนี้โลกเปลี่ยนไปเยอะ และเร็วมาก พฤติกรรมบางอย่างที่เราเคยทำกันมาในอดีตแบบที่ผ่านมาไม่กี่ปี เดี๋ยวนี้ไม่มีใครทำกันแล้ว เห็นได้ชัดอีกเรื่องหนึ่งก็คือ การเก็บข้อมูลตอนนี้เป็นยุคของการเก็บข้อมูลแบบคลาวด์ เก็บบนอากาศกันหมด ไม่มีใครไรท์แผ่นให้กันอีกแล้ว พอพูดถึงไรท์แผ่นเพลงก็ต้องนึกถึงโปรแกรมยอดฮิตของวัยรุ่นช่วงหนึ่งชื่อว่า nero

Nero คือโปรแกรมอะไร

โปรแกรม Nero ชื่อเต็มว่า Nero burning rom เป็นโปรแกรมสามัญประจำเครื่องคอมพิวเตอร์ของคนยุคหนึ่งเลยก็ว่าได้ โปรแกรมตัวนี้มีความสำคัญก็คือ ตัวโปรแกรมจะทำหน้าที่เสมือนบีบอัดไฟล์ข้อมูลของเราให้ลงไปไว้ในแผ่น cd-rom หรือแผ่น dvd (เรียกว่า ไรท์แผ่น) ไฟล์ที่เราทำได้ก็จะมีตั้งแต่ไฟล์เอกสาร ไฟล์เพลง ไฟล์รูปภาพ ไฟล์ภาพเคลื่อนไหว และอีกมากมายขึ้นอยู่กับความต้องการ

วิธีการใช้โปรแกรมตัวนี้ก็ไม่ยาก เริ่มจากเช็คก่อนว่าหัวอ่าน cd, dvd ของเราสามารถเขียนหรือไรท์ข้อมูลสำหรับแผ่นได้หรือไม่ (เมื่อก่อนหัวอ่านในเครื่องคอมพิวเตอร์ยังไรท์ไม่ได้ต้องซื้อแยก) ถ้าไรท์ได้ก็เริ่มกันจากเปิดตัวโปรแกรมขึ้นมา เปิดไฟล์ที่ต้องการจะไรท์ เลือกลงไปจนกว่าจะได้ครบตามต้องการหรือ ความจุแผ่นเต็ม จากนั้นก็กดไรท์แผ่น เครื่องจะทำการเขียนข้อมูลลงไป ใช้เวลาประมาณ 3-5 นาที จากนั้นก็เทสต์อีกครั้งเป็นอันเสร็จ

ไรท์เพลงแจกสาว

ในยุคไรท์เพลงนี้ อีกหนึ่งสิ่งที่ตีคู่กันมาเลยก็คือ mp3 ถือว่าเป็นยุครุ่งเรืองด้วยเหมือนกัน เพลงมีออกใหม่กันทุกวัน จะตามซื้อก็คงจะไม่หมด ทางเลือกที่ดีก็คือการเลือกไรท์เพลงที่ตัวเองชอบเก็บเอาไว้ฟังเองดีกว่า จนตอนนั้นมีอีกหนึ่งพฤติกรรมที่ทำกัน ก็คือ การไรท์เพลงแจกสาวคนที่ชอบ เรียกว่าชอบใครก็ไรท์เพลงบอกรัก หากล่องซีดีใส่ พิมพ์ปกซะหน่อย จบเลย ไม่เพียงแต่ไรท์เพลงเท่านั้น ยังรวมถึงไรท์หนัง แจกกันอีกด้วย ถือว่าเป็นยุคเฟื่องฟูของแผ่น cd ,dvd กันเลยทีเดียว

ป้องกันไวรัส

อีกหนึ่งข้อดีของโปรแกรมดังกล่าวก็คือ มันจะช่วยป้องกันไวรัสได้เยอะทีเดียว ยุคนั้นการแชร์ภาพ แชร์ไฟล์งานยังไม่ง่ายเหมือนสมัยนี้ทำให้ส่วนใหญ่จะใช้การถ่ายโอนผ่าน USB ซึ่งดีอยู่แต่ติดไวรัสกันง่ายมาก บางครั้งเสียบเข้าเครื่องนี้ร้องเลย ไวรัสกิน ทำเอาหลายคนน้ำตาตกไฟล์งานหายไปเพียบ แต่หากไรท์แผ่นให้แม้ว่าจะเปลือง เพราะไม่สามารถทำซ้ำได้ แต่ถ้าเป็นงานสำคัญ การไรท์แผ่นเพื่อเอาไปส่งต่อข้อมูล หรือ เอาไปใช้งานต่อในรูปแบบอื่นจะทำได้ดีกว่า โปรแกรมนี้ใช้มาเรื่อยจนถึงยุคที่เราสามารถค้นหาเพลง หนัง ไฟล์ภาพ เสียง จากโทรศัพท์ได้เอง จึงทำให้ความนิยมลดลงจนตอนนี้ไม่มีใครใช้กันแล้ว